ยา thyroid ที่ใช้ในหญิงตั้งครรภ์ 10 wk ควรใช้ตัวไหน

คำถามถูกตั้งเมื่อ  2020-05-20 10:59:42  จำนวนผู้เข้าชม 0

รายละเอียดคำถาม

คำถาม:

ภาวะธัยรอยด์เป็นพิษ

ข้อมูลผู้ป่วย:
เพศ: ไม่ระบุ  อายุ: ไม่ระบุ   น้ำหนัก: ไม่ระบุ   ส่วนสูง: ไม่ระบุ
โรคประจำตัว:
ไม่ระบุ
ประวัติการแพ้ยา/อาหาร/สารเคมี/อื่นๆ:
ไม่ระบุ
ข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติม:
ไม่ระบุ
ข้อมูลที่สืบค้นได้:

เป้าหมายการรักษาด้วยยาคือให้ระดับ TSH อยู่ในระดับปกติหรือสูงกว่าปกติเล็กน้อย โดยใช้ยาในขนาดต่ำที่สุด เพื่อให้ทารกในครรภ์สัมผัสต่อยาให้น้อยที่สุด

Propylthiouracil (PTU) ขนาดยาที่ใช้คือ 100-300 mg ต่อวัน ผลข้างเคียงที่สำคัญคือ ภาวะตับอักเสบรุนแรง

Methimazole (MMI) ขนาดยาที่ใช้คือ 10-40 mg ต่อวัน ผลต่อเด็กที่สำคัญคือ มีรายงานการเกิด Aplasia cutis และ เกิด Choanal และ Esophageal atresia ได้

ดังนั้นสมาคมโรคต่อมธัยรอยด์แห่งอเมริกา จึงแนะนำให้

- ใช้ยา PTU ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ เพื่อหลีกเลี่ยงผลที่จะเกิดกับทารกในครรภ์

- เปลี่ยนมาใช้ยา MMI ในช่วงที่เหลือของการตั้งครรภ์ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะตับอับเสบที่อาจจะเกิดขึ้นในสตรีตั้งครรภ์

ยา beta blocker ยาที่ใช้บ่อยคือ propranolol ขนาดยาที่ใช้ 20-40 mg ทุก 6-8 ชั่วโมง ช่วยลดอาการใจสั่น ได้ผลดี แต่การใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ โดยเฉพาะนานกว่า 2-6 สัปดาห์ พบว่าทำให้เกิด ภาวะเจริญเติบโตช้าในครรภ์ ทารกในครรภ์มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ และ หัวใจทารกเต้นช้า

https://w1.med.cmu.ac.th/obgyn/index.php?option=com_content&view=article&id=842:thyroid-disorders-in-pregnancy&catid=45&Itemid=561

ในบางภาวะยา PTU อาจจะมีข้อบ่งชี้ในการใช้มากกว่า เช่น ผู้ป่วยตั้งครรภ์และให้นมบุตร เนื่องจากยา Methimazole ผ่านน้ำนมได้มากกว่า อาจทำให้ทารกเกิด Neonatal hypothyroidism ได้ สำหรับการใช้ยา MMI ในคนท้องสามารถใช้ในขนาดต่ำๆได้ แต่การเกิด Methimazole induced embryopathy ก็มีรายงานประปราย จึงควรสงวนใช้ Methimazole เฉพาะผู้ป่วยไทรอยด์เป็นพิษที่แพ้ยา PTU และใช้ในขนาดต่ำ 

https://med.mahidol.ac.th/med/sites/default/files/public/pdf/medicinebook1/Patients%20with%20thyroid%20dysfunction.pdf

ยา propylthiouracil (PTU) ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม pregnancy category D ตามการแบ่งกลุ่มความปลอดภัยในหญิงตั้งครรภ์ของ FDA โดยจะใช้ก็ต่อเมื่อมีการพิจารณาแล้วว่ามีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ ได้แก่ การใช้ยาเพื่อรักษาชีวิต หรือรักษาโรคที่รุนแรงซึ่งไม่สามารถใช้ยาที่ปลอดภัยกว่าได้ ยา PTU สามารถผ่านรกไปสู่ทารกในครรภ์ได้ โดยสามารถทำให้เกิด goiter และ hypothyroidism ระหว่างการพัฒนาและเจริญเติบโตของตัวอ่อน (fetus) โดยเฉพาะเมื่อยา PTU ถูกนำมาใช้จนกระทั่งคลอด พบว่ามีรายงานการเกิดภาวะ hypothyroidism หรือ goiter ในเด็กแรกเกิด ซึ่งอาจพิจารณาลดขนาดยาหรือหยุดยาในช่วงไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามการใช้ยา PTU ในช่วงไตรมาสแรกไม่พบอุบัติการณ์ในการเกิด goiter หรือ hypothyroidism ในเด็กแรกเกิด เนื่องจากการสร้าง thyroid hormone ยังไม่เริ่มสร้างจนกว่าจะถึงสัปดาห์ที่ 11 หรือ 12 ของการตั้งครรภ์ และ FDA กล่าวว่าการเกิด congenital malformations ส่วนใหญ่ที่พบจะเป็น craniofacial malformations (aplasia cutis, facial dysmorphism, choanal atresia) จะสัมพันธ์กับการใช้ยา methimazole ในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ซึ่งไม่พบความสัมพันธ์นี้จากการใช้ยา PTU นอกจากนี้ยังพบรายงาน 2 ฉบับ ในการเกิดตับวาย (liver failure) และเสียชีวิตของทารกแรกเกิดจากการใช้ยา PTU ระหว่างตั้งครรภ์ โดยสรุปแล้วการใช้ยา PTU ในไตรมาสที่ 2 และ 3 ถ้ามีความจำเป็นสามารถใช้ได้ แต่ช่วงใกล้คลอดถ้าเป็นไปได้ควรพิจารณาหยุดยา ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิด goiter หรือ hypothyroidism ในเด็กแรกเกิด อย่างไรก็ตามยา PTU ยังถือว่าเป็น drug of choice และควรใช้ยาในขนาดที่น้อยที่สุดเท่าที่จะสามารถควบคุมภาวะ hyperthyroidism ได้

https://pharmacy.mahidol.ac.th/dic/QA_full.php?id=2664


วัตถุประสงค์การถาม:

เพื่อแก้ปัญหาผู้ป่วย



ขออภัย! ยังไม่มีการตอบคำถามในข้อนี้